Tuesday, October 23, 2012

ข่า

ข่า
ลักษณะ
                        ข่าเป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า "เหง้า" มีข้อและปล้องเห็นได้ชัดเจน เนื้อในสีเหลืองและมีกลิ่นหอมเฉพาะลำต้นที่อยู่เหนือพื้นดินสูงถึง 2 เมตร ใบสีเขียวออกสลับข้างกัน รูปร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเป็นช่อที่ยอด ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีขาวนวล ด้านในของกลีบดอกมีสีแดงอยู่ด้านหนึ่ง ผลเปลือกแข็ง รูปร่างกลมรี
การขยายพันธุ์               หัว (เหง้า) ใต้ดิน 
การปลูก
                        ข่า ชอบที่ดอนดินร่วนซุย อุดมสมบูรณ์และชุ่มชื้นแต่ไม่ชอบน้ำขัง ฤดูปลูกที่เหมาะสมคือต้นฤดูฝน พรวนดินให้ร่วนซุยแล้วจึงขุดเหง้าข่าจากกอเดิม มาแบ่งให้เหง้ายาวประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร มีตา 2 - 3 ตา ตัดรากเก่าออกเพื่อให้รากใหม่เจริญเติบโตได้เต็มที่ ขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร วางเหง้าลงหลุม ๆละ 2 - 3 เหง้า กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม เมื่อข่าอายุได้ 2 - 3 เดือน
การเก็บเกี่ยว
               เก็บข่าอายุ 3 เดือนเป็นหน่าข่า อายุ 6 - 8 เดือนเก็บเป็นข่าอ่อน ข่าอายุ 1 ปี ขึ้นไปเก็บเป็นข่าแก่ ในช่วงนี้ข่าจะให้ผลผลิตดีมีน้ำหนัก ถ้าดินแห้งควรมีการรดน้ำเพื่อสะดวกต่อการขุดหรือถอนและลดความเสียหายต่อ เหง้าข่า
ส่วนที่ใช้บริโภค
               เหง้า, ดอก, หน่ออ่อน
ขิง
(Ginger)
ขิงเป็นทั้ง พืªสุมนไพรและเครื่องเทศ มีสรรพคุณด้านการรักษาโรคได้ เช่น รักษาโรคท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน รักษาอาการไอที่มีเสมหะ รักษากลากเกลื้อน เป็นยาอายุวัฒนะ การผลิตขิงแบ่งออกเป็น การปลูกขิงเพื่อบริโภคสด ส่งโรงงานอุตสาหกรรม และการปลูกเพื่อผลิตพันธุ์ ขิงเป็นพืชที่ปลูกได้ดีในเขตร้อน แหล่งที่ปลูกที่สำคัญได้แก่ อินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน รองลงมาได้แก่ ออสเตรเลีย ฟิจิ ไต้หวัน และไทย
ลักษณะ
                    พืชล้มลุก สูง 0.3 - 1 เมตร อายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน เหง้าแตกแขนงเป็นแง่งคล้ายนิ้วมือ เนื้อในเหง้ามีสีเหลืองอ่อนอมเขียว มีเส้นใยเห็นชัดเจน ใบเป็นใบ เดี่ยว รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 1.5 - 2 เซนติเมตร ยาว 15 - 20 เซนติเมตร เรียงสลับ ส่วนที่โผล่เหนือดินคล้ายลำต้นคือส่วนก้านใบที่มีลักษณะเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ดอกเป็นช่อสีขาวนวล แทงจากเหง้าใต้ดิน ก้านช่อดอกยาว มีใบประดับสีม่วง ผลเป็นผลแห้ง กลม แข็ง
การขยายพันธุ์
                    ท่อนพันธุ์ เหง้า 
การปลูก
                    ขิงชอบดินร่วนปนทราย ไม่มีน้ำขัง แต่ชอบความชุ่มชื้น เวลาปลูกจึงต้องหมั่นรดน้ำ ดินที่ปลูกควรมีหน้าดินลึก 30 - 40 เซนติเมตร หั่นแบ่งแง่งขิงที่เป็นท่อนพันธุ์ ทาปูนบริเวณรอยแผล ทิ้งไว้ให้แห้ง 2 - 3 วัน จึงนำไปปลูก ขิงที่ใช้บริโภคมีทั้งขิงอ่อนและขิงแก่ ขิงอ่อนที่ปลูกในภาคกลางนิยมปลูกยกเป็นร่อง ส่วนที่ปลูกทางภาคเหนือนิยมปลูกเป็นไร่ หลังจากพรวนดินจนร่วนซุย และผสมปุ๋ยคอก ปลูก 1 สัปดาห์ หลังจากปลูกท่อนพันธุ์แล้วให้เอาเศษหญ้าหรือเศษฟางคลุมด้านบนนาน 3 - 4 เดือน หลังจากนั้นจึงรื้อออก แง่งขิงอ่อนไม่ถูกแสง จะมีสีขาวนวลน่ารับประทาน ขุดขึ้นมาเป็นแง่งขิงรับประทานสด ถ้าจะปลูกเป็นขิงแก่ต้องทิ้งไว้นานกว่า 8 เดือน
การเก็บเกี่ยว
                    ขิงอ่อนจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 4 - 5 เดือน สำหรับชิงแก่เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 10 - 12 เดือนหลังจากปลูก จะสังเกตได้จากใบและลำต้น เริ่มเหี่ยวเมื่อขิงอายุย่างเข้าเดือนที่ 8 ในการเก็บเกี่ยวหากเป็นพื้นที่แห้งและแข็งให้รดน้ำที่แปลงเพื่อให้ดินมีความ ชื้น แล้วจึงใช้มืดดึงแง่งขิงขึ้นมาล้างและตัดแต่งแง่งขิง แยกแง่งที่จะใช้ทำพันธุ์ โดยเลือกแง่งที่ปราศจากเชื้อโรคและแมลง
ส่วนที่ใช้บริโภค
                    เหง้า
ขี้เหล็ก
(Cassod Tree)


ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia siamea Britt. Caesalpiniaceae, Leguminosae
ชื่อสามัญ CASSOD TREE,THAI COPPER POD, SIAMESE CASSIA.

ส่วนที่ใช้เป็นยา
ใบอ่อน ยอดอ่อน ดอก ดอกตูมแห้ง และแก่น ขนาดและวิธีใช้สำหรับ อาการท้องผูก ใช้ ใบอ่อน
ดอก และแก่นแห้ง ประมาณ 4 - 5 กำมือ น้ำหนัก 20 - 25 กรัม ใส่น้ำให้ท่วมเติมเกลือเล็กน้อย ต้ม 10 - 25 นาที ดื่มก่อนอาหารเช้า หรือก่อนนอนให้หมดในครั้งเดียว

ขนาดและวิธีใช้
สำหรับอาการเบื่อ อาหาร ใช้ใบ ยอดอ่อน และดอก ต้มเดือด เคี่ยว 5 - 10 นาที เทน้ำทิ้ง และต้มใหม่เอาเนื้อสำหรับจิ้มน้ำพริก หรือแกงรับประทานสำหรับอาการนอนไม่หลับ ใบอ่อนและดอกตูมแห้ง 150 กรัม เติมเหล้าโรงพอท่วม แช่ทิ้งไว้ 5 -7 วัน คนบ่อย ๆ กรองเอากากออก ดื่มครั้งละ 1 - 2 ช้อนชาก่อนนอน

สรรพคุณ
- แก้อาการท้องผูก การที่ส่วนต่าง ๆ ของขี้เหล็ก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้
เพราะมีสารสำคัญพวกแอนทราควิโนนหลายชนิด ออกฤทธิ์เป็นยาระบาย
- ช่วยเจริญอาหาร การที่ใบและดอกขี้เหล็ก ช่วยเจริญอาหารได้ เพราะมีสารที่มีรสขมจึงช่วยกระตุ้นทำให้อยากอาหาร
- ช่วยให้นอนหลับ การที่สารสกัดด้วยเหล้าโรงของใบอ่อน และดอกตูมแห้งของขี้เหล็ก
สามารถช่วยให้นอนหลับได้ เพราะมีสารพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง
ช่วยทำให้นอนหลับ แต่ไม่ไช่ยานอนหลับโดยตรง

ข้อเสนอแนะ การใช้สมุนไพรแก้อาการท้องผูก
1. สมุนไพรพวกนี้ ให้ใช้ในขณะที่มีอาการท้องผูก ห้ามใช้ประจำ เพื่อจุดประสงค์ต้องการ
ให้มีรูปร่างระหง และควรรับประทานยาสมุนไพรก่อนนอน
2. ขนาดที่ใช้อาจเพิ่มหรือลดลงได้เล็กน้อยขึ้นอยู่กับ "อายุ" เด็ก หรือผู้ที่ธาตุเบา
ควรใช้ขนาดลดลง ถ้าผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว หรือ ธาตุหนัก ควรเพิ่มสมุนไพรเล็กน้อย
ลักษณะ
                    ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 8 - 12 เมตร เปลือกต้นไม่เรียบ ใบเป็น ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยมีประมาณ 10 คู่ ใบกว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร โคนใบย่อยกลมมน ปลายใบเว้าเล็กน้อย ใบอ่อนมีสีน้ำตาลอมเขียว ใบแก่จัดสีเขียวอมเทา ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเหลือง ดอกตูมกลม ผลเป็นฝักแบนยาว เมื่อแก่จัดมีสีน้ำตาล-ดำ แตกได้ ภายในมีเมล็ด 20 - 30 เมล็ด
การปลูก
                    เพาะเมล็ดในถุงหรือในแปลงเพาะ เมื่อต้นโตประมาณ 15 - 30 เซนติเมตร จึงย้ายปลูก ขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นที่มีความทนทานสูง ระบบรากดี นิยมขุดหลุมปลุกขนาด 80x80x80 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ระยะปลูก 2 - 3 เมตร ควรมีการตัดแต่งกิ่งและให้ปุ๋ยทุกปี ยอดอ่อนและช่อดอกจะได้แตกเป็นปริมาณมาก และลำต้นจะได้ไม่สูงมากนัก
แค
(Sesban)
ลักษณะ
                    ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง  5 - 10 เมตร ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน  ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยมีขนาดเล็กรูปขอบขนาน  ดอกออกเป็นช่อ ช่อละ  2 - 4 ดอก ออกที่ซอกใบ ดอกใหญ่ สีขาว หรือสีแดง ผลเป็นฝักยาว เมื่อแก่แตกได้ แคชนิดดอกสีขาวนิยมปลูกไว้เป็นอาหาร  แคชนิดดอกสีแดงไม่นิยมใช้ดอกรับประทาน ปลูกไว้ทำยา
การปลูก
                    เพาะเมล็ดแคในถุงหรือในกระถาง พอต้นสูงประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร จึงย้ายลงปลูกในหลุมที่ขุดขนาด 60x60x60 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกก่อนปลูก ระยะปลูกห่างประมาณ 2 เมตร
ชะอม
ลักษณะ          ไม้พุ่มขนาดย่อม ลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม  ใบเป็น ใบประกอบขนาดเล็ก มีก้านใบแยกเป็นใบอยู่ 2 ทาง ลักษณะคล้ายใบกระถินหรือใบส้มป่อย ใบอ่อนมีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นลูกสะตอ ใบเรียงสลับกัน ใบย่อยออกตรงข้ามกัน ใบย่อยรูปรีมีประมาณ 13-28 คู่ ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม  ดอกมีขนาดเล็กออกที่ซอกใบ  ดอกมีสีขาวหรือขาวนวล จะเห็นเกสรตัวผู้ได้ชัดเป็นเส้นฝอยๆ  ผลเป็นฝักมีขนาดเล็กกว่าฝักกระถิน
การขยายพันธุ์   :    กิ่งตอน  ปักชำ  ท่อนพันธุ์  เพาะเมล็ด
การปลูก
                    ใช้กิ่งตอนหรือกิ่งปักชำ ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร นิยมปลูกในช่วงฤดูฝน ชะอมมี 2 พันธุ์ พันธุ์ใบเล็ก ต้นเล็กมียอดสั้น และพันธุ์ใบใหญ่ซึ่งต้นจะโตกว่า พันธุ์นี้ชาวสวนนิยมปลูกเพราะยอดยาวสวยกว่า การเก็บยอดสามารถเก็บได้ตลอดปีถ้าสามารถควบคุมความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ ของดินให้ดี สามารถนำชะอมมาปลูกเป็นรั้วบ้านได้ประโยชน์อีกทางหนึ่งด้วย
การเก็บเกี่ยว    :    เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อชะอมอายุ 3 เดือนขึ้นไป เก็บได้ทุก 3 วัน / ครั้ง การตัดชะอมควรตัดในตอนเช้าตรู่ โดยใช้มีดบางและคมตัด เพื่อให้แผลที่ตัดไม่ช้ำ ในช่วงฤดูหนาวชะอมจะไม่ค่อยแตกยอด และควรเหลือยอดชะอมไว้ 3 - 4 ยอด เพื่อให้ปรุงอาหารต่อไป
ส่วนที่ใช้บริโภค   :   ยอดอ่อน


0 comments:

Post a Comment